วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

บุฟเฟต์อีสาน...คำพูน@เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

อากาศร้อนๆ แบบนี้ จะมีอาหารใดเล่า เลิศไปกว่า อาหารเบาๆ รสแซ่บจัดจ้าน เปรี้ยวจี๊ดไปได้
น่านไง..ส้มตำ คอหมู ลาบหมู ต้มแซ่บ ยำนานาชนิด ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด คิดเหมือนม่ะล้ะ?
คือที่มาของเมนูที่จะนำเหนอ วันนี้....แต่เพิ่มความพิเศษตรงที่เป็น บุฟเฟ่ต์ อิ่มไม่อั้น ในเวลา 1 ชม. 15 นาที ด้วยราคา 239 บาท++ ป่ะ(ราคานี้ไม่รวมเครื่องดื่ม) เราไปดูกัน

ปล. ขอออกตัวก่อนว่า อันนี้เป็นงานดองอีกเช่นเคย รายละเอียดอาจจะหลุดไปบ้างต้องขออภัยอย่างยิ่งยวด เช่น รสชาติและราคา ฮ่าๆ(เหมือนจะเป็นประเด็นหลักเลยสินะ)
ปล ปล. ร้านค่อนข้างสลัว ใช้มือถือถ่าย ภาพอาจจะเบลอหน่อยนะ

หน้าตาเมนูสั่งไม่อั้น...

สั่งปุ๊บ เครื่องดื่มมาปั๊บ ผักกรอบในครกน้อยมาเสนอหน้ารอแร้วๆๆๆ
งานนี้ไม่เน้นข้าว เด๋วกินได้ไม่เยอะ เริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ จานแรกเบาๆ ประหนึ่ง กุลสตรีไทยสงบเสงี่ยมเจียมตัว "ตำผลไม้รวม" อันนี้รสชาติเน้นที่ผลไม้เป็นชัดมากอยู่ น้ำยำรสจะอ่อนไปสำหรับจานนี้
เรียกน้ำย่อย จานถัดมาด้วย "ยำเห็ด" ดูรักสุขภาพเนาะ โฮะๆๆ!!! สร้างภาพพพพพ.....ลุยเลยดีก่า...
 คอหมูย่าง  ชอบมันมากมันน้อย บอกเค้าได้ค่ะ รสชาติใช้ได้ อันนี้เบิ้ล 2 ฮ่ะ!!
คอหมุมา ต้องมีคู่หู ไก่ย่าง ไก่ทอด จัดเอาตามชอบ งานนี้"ไก่ทอด" 2 ครกอีกเช่นกัน  อีกเมนูแนะนำทีทางร้านแนะนำ "หมูแดดเดียว"ค่ะ อันนี้แห้งไปหน่อยค่ะ หญิงเคี้ยวแล้วเจ็บเหงือก(จิงๆ แล้วกลไกลในการบดเอื้องเคี้ยวหญ้ายังทำงานไม่เต็มที่ เร่งกินไปหน่อยด้วยความหิวจัด ฮี่ๆๆ..)




โอ๊ะๆๆ จะมาถึงกลางเรื่องล้ะ ยังไม่ได้เอ่ยถึงพระเอกนางเอกของเราเรย "ข้าวเหนียว ขนมจีน"คู่ขวัญ งานนี้ฝ่ายข้าวเหนียวมาในซองสานสวยงาม แต่ยังไม่ทันถ่าย ดึงออกจากซองปุ๊บ น้องเด็กเสริ์ฟเอากลับไปล้ะอ้าาา....สงสัยหลังครัวไม่พอใช้ชิม๊ะ ห๊ะ??!!!

ฝากไว้แต่รูปสาวหมวย ขาวเนียม ผอม ยาว หุ่นดีไปแทนจร๊ะ...... หนมจีนน่้ะหนมจีน เห็นจีนเลยนึกว่าอาหมวยเหมียนกัลลล เห่ะ!
เด๋วจะหาว่าเป็นการเน้นหมูเน้นไก่มากเกินไป เลยตัดฉากมาที่  "ต้มแซ่บหมูตุ๋น"สักถ้วยเนิง เสริ์ฟด้วยถ้วยดินเผาเกร๋ๆ เท่าที่จำได้ เปรี้ยว!จี๊ด! แต่ทว่ามันม่ายร้อนเท่าที่ควรอ๊ะ ถ้าร้อนๆน๊าา ซดหมดเบยยย...  

อย่าหยุดยั้้ง มาต่อกันที่เมนูที่อยากกินมาตั้งก่ะอ่านเมนูหน้าร้าน "หมูปิ้ง" นั่นเอ๊งงง แร้วก้อไม่ผิดหวัง เอาเป็นว่าจบมื้อนี้ โดนไอ่เจ้านี่สุดล่ะ ชิลล์ คนเดียว 5 ไม้ ทั้งๆที่เริ่มอิ่มมาจากข้างบน แต่เราก่ะจะเอาลงไปให้ได้ ฮ่าๆ โลภเนาะ ^o^

เด๋วจะเลี่ยนไป มาที่ท่าพื้นฐานสักหน่อย "ส้มตำ" "ลาบหมู" และ "ตับหวา่น" เท่าที่ทานๆมา จะรู้สึกว่า อาหารร้านนี้ไม่ได้จัดจ้านนะคะ อาจเพราะพิกัดที่อยู่ในห้างทำให้มีกลุ่มเป้าหมายค่อนข้างกว้าง รสชาติเลยจะอ่อนๆ หน่อยค่ะ




มาถึงจุดนี้ เริ่มอิ่มค่ะ (ก้อไม่ใช่น้อยนะ ตามจิง ควรจะอิ่มไปตั้งนานล้ะ เหมือนรู้ตัวช้า...) เริ่มไล่เมนู จิ้มชื่อที่อยากลองทานของร้านนี้ ได้ล้ะ!! "แหนมย่าง" "ยำวุ้นเส้นไส้กรอกอีสาน" มีคำว่า อิสานแระ โอเคร สบายใจ กินอาหารอีสานแระ(เกี่ยวกันม๊ายย? ติ๊ดตี่...-__-")








แหนมแห้งไปนิสส์ ส่วนยำจานนี้รสเปรี้ยวเลยจ๊ะ แต่ไส้กรอกม่ายเปรี้ยวน้า



และปิดท้ายมื้อนี้ด้วย "ต้มยำกุ้ง" จานนี้แอบเสียดาย
มาตอนท้าย กินไม่ลงแล้วจิงๆ เรียกว่าชิมดีกว่าค่ะ
อันนี้รสชาติจะอนุบาลกว่าต้มแซ่บหมูตุ๋นเมื่อกี้ค่ะ

ปล.เค้ากินส้มตำด้วยน๊ะ แต่ไม่ได้ถ่ายอ้ะ ลืมจ้า...

โดยรวมแล้ว 6.5/10 ล่ะกันค่ะ 
- อาจจะรสชาติอ่อนไปสำหรับอาหารอีสานบ้านเรา แต่ถ้ามีเด็กเล็ก หรือสังสรรค์แก๊งค์นักเรียน(เห็นน้องๆหนูๆหนาตาเลย) ก็ถือว่าได้เลยค่ะ สั่งทานได้เรื่อยๆ เพลินดีๆ แต่ดูเวลากันด้วยเน้อ
- พนักงานที่สั่งอาหารแล้วดูงงๆ เด๋วได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หายเงียบไปบ้าง พนักงานเยอะนะคะ แต่เหมือนดูแลไม่ทั่วถึงเท่าไหร่
- ที่คุ้มค่า คือความหลากหลาย ที่มากับราคาบุฟเฟ่ต์นั่นหล่ะ ร้านนี้ถ้าสั่งแยก แบบ a la carte ก็หนักเอาการเลยค่ะ เผลอๆจะแพงว่าราคานี้เท่าตัวเลยทีเดียว...ตอนแรกนึกว่าทานไม่คุ้ม ที่ไหนได้เห็นราคาสั่งแยก แล้ว ต้องบอกว่า โคตรคุ้มมม อ้ะ
- จุดเด่นที่เพิ่มมา น่จะเป็นบุฟเฟ่ต์ส้มตำเจ้าแรกๆ เลยได้รับความสนใจสูงพอสมควร บรรยกาศร้านคึกคัก  คนเข้าร้านเรื่อยๆ เลยค่ะ ถือว่าแน่นเชียว ยิ่งเมนูหน้าร้านนี่มีคนมาแวะดูเรื่อยๆ เลยค่ะ

ที่ตั้ง : เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น Box Office 
เวลาเปิด-ปิด : 10.30 - 21.00 ตามเวลาห้างค่ะ

รออ่านรีวิวฉบับหน้ากันก้วยนะจร๊ะ แตร๊งงกิ้วว...ว..ว...ว...


วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ผัดกระเฉดไฟแดงสุดเริ่ดดด...ครัวต้นไม้ พุทธมณฑลสาย1

ช่วงนี้เป็นช่วงปล่อยของคับพี่น้อง....หลังจากดองเงียบไว้ซะนาน ต้องแงะแกะออกมาซะหน่อยล่ะ

ฉบับนี้เป็นอาหารไทยกันบ้างหลังจากทัวร์นานาชาติมากันเยอะแร้วววนะจร๊ะ หญิงใส่ชุดไทยออกเดินทางไกลไปย่านพุทธมณฑลสาย 1 เลยนะมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน
ร้านอาหารเล็กๆ ที่มีเมนูแปลกตา จะว่าไทยก็ไม่เชิง จะว่าจีนก็ไม่ใช่ซะดีเดียว ออกเป็น อาหมวยผิวสีน้ำผึ้ง ประมาณนั้นกันเลยทีเดียว
ที่เกริ่นมาแบบนี้มิใช่อะไรน๊ะคร๊ะ ก้อเมนูแต่ละอย่าง
ไม่น่าจะอยู่ตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไปสักเท่าไหร่น่ะสิ... อยากรู้แล้วช่ายม๊ะ ว่ามีอะไรกันบ้าง

เริ่มกันที่เมนูแรก : จับฉ่ายหม้อดิน
อย่าตกใจไป ไม่ใช่ต้มจับฉ่ายอย่างที่คิด แต่เป็นการเอา หมู เห็ดหอม กุ้งสด กุ้งแห้ง วุ้นเส้น และผักต่างๆ มาผัดรวมกัน น่าจะ 10 อย่างได้ แต่หญิงหิวค่ะ นับเลขไม่ถูกแร้ว ครบ 10 เป่าไม่รู้ ชิมกันเลยดีก่า

หน้าตาชัดๆ อัดแน่มาเต็มหม้อดิน ที่ไอร้อนชวนทานมากๆเลยทีเดียว
หน้าตาอาจจะดูจืดไปนิด แต่รสชาติไม่จืดอย่างที่เห็นนะคะ เมนูผัดจานนี้มีใส่พริกลงไปด้วย
และชูรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น ด้วยกระเทียม ที่กลิ่นตัดกับน้ำมันหอยอย่างชัดเจน และไม่ทำให้เลี่ยนอย่างที่คิดคร๊า ถือว่า ผ่าน สำหรับเมนูลูกครึ่งจานนี้

เมนูที่สองกันบ้าง หมูกรอบคั่วกระเทียมสด แ่น่อนอนล่ะว่าจุดเด่นต้องอยุ่ที่กระเทียมเป็นแน่แท้ แล้วก้อไม่ผิดหวังค่ะ ความหอมกระเทียมแตะจมูกมาแต่ไกลเลย รสชาติจะเผ็ดปลายๆ ส่วนหมูเองก็ไม่เหนียวจนเกินไป จะเปลี่ยนเป็นเมนูทานเล่น หรืออยู่ในวงเหล้าก็แลดูเม๊าะ เหมาะ แล้วที่สำคัญ หน้าตาดูหล่อเหลาเอาการเลยคร๊าาา


ปลากะพงชุปแป้งทอดธรรมดาคงจะไม่ได้สำหรับร้านนี้ เค้ามีเมนูปลาสองใจ ที่แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว ฮ่าๆๆๆ  


จิงๆ แล้ว คือปลาราดซอสครีมสลัด ที่ที่นี่ทำซอสครีมเอง รสชาติจะหวานนำ ตัดเปรียวอย่างชัดเจน จัดจานวางประกบกับปลาทอดสมุนไพรอีกครึ่งนึงของจาน แต่ด้วยความเป็นกุลสตรีอย่างหญิง ไม่ค่อยโดนสองจง สองใจเมนูนี้เท่าไหร่ฮ่าาา..เกี่ยวปร่ะ???

มาทานเมนูน้ำๆ กันบ้างดีกว่า ขอเลือกแกงส้มชะอมกุ้งมาเพิ่มความเผ็ดร้อน และสีสันจัดจ้านบนโต๊ะอาหารกันหน่อยดีกว่าา...
แกงส้มที่นี่เค้าจะเน้นมะขามเปียกค่ะ เพราะ ฉะนั้น รสเปรี้ยวจะโดดขึ้นมาชัดเจนมาก และมีรสหวานปิดท้าย แต่ก็ไม่ได้เข้มข้นกลมกล่อมแบบไทยแท้นะคะ แนวมะขามเปียกใสๆซะมากกว่า เป็นการประยุกต์ให้มีรสชาติตัดกับอาหารจานหลักๆ ของที่นี่ ทำให้รสชาติอาหารโดยรวมไม่เลี่ยนจนเกินไปค่ะ


และเมนูสุดท้าย ท้ายสุด และเริ่ดที่สุด!! ของรีวิวนี้
ผัดกระเฉดไฟแดง...ไม่ต้องแปลกใจไปนะฮ้าาา
เพราะกระเฉดที่นี่เค้าใช้ยอดกระเฉด อ่อนๆ อ่อนจริงๆ ค่ะ ไม่มีความเหนียว เคี้ยวยาก ของก้านเลยก็ว่าได้
เจ้าของร้าน ถึงขึ้นกับออกปากว่า เป็นเมนูฮอตฮิตที่สุด แต่ก็ขาดทุนที่สุดของร้านเลยล่ะคร่าา อิอิ
จุดเด่น คือ ปล้องใหญ่ ไม่แก่ เคี้ยวแล้วกรุบกรอบมากค่ะ ไม่ฝืดๆ เฝื่อนๆ
ตัวหญิงเองปกติไม่ทานกระเฉดเลยนะคะ เพราะมันขม ไม่ชอบกลิ่นอ่ะ แต่ไหนๆ เจ้าของร้านเค้าเชียร์ว่าเจ๋วจิง ลองสักหน่อยจะเป็นไร แล้วก้อไม่ผิดหวัง อร่อยเลิศ.. ทำให้ผักกระเฉดอร่อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ รสชาติไม่ต้องพูดถึง เมนูนี้ชนะเลิศศศ!!


เครื่องดิ่มร้านนี้ มีน้ำสมุนไพรให้เลือกมากมายเลยทีเดียวค่ะ ทั้งเก็กฮวย เฉาก๊วย อัญชันมะนาว วุ้นใบเตย(20บาท/ขวด) กระเจี๊ยบอัญชัน กระเจี๊ยบ(25 บาท/ขวด) แนะนำวุ้นใบเตยเลยนะคะ วุ้นเกือบจะละลายในปากโดยไม่ต้องเคี้ยวเลย

อีกอย่างที่โดนใจวัยโจ๋มาก จิงๆ ต้องเรียกว่าวัยทำงานมากว่านะ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกมาทานที่ร้าน ทางครัวต้นไม้มีบริการปิ่นโตให้ด้วย รายวัน รายเดือนมีเมนูให้เลือกพร้อม เรื่องระยะทางและราคาจัดส่งอยู่ที่ตกลงกัน เห็นอย่างงี้แล้วอย่างลองเปลี่ยนบรรยากาศมื้ออาหารของคุณแล้วช่ายม๊าาา???



ปิ่นโตคุณภาพดี มีเลเซอร์ชื่อร้านไว้ด้วยนะเออ!!

ปิดท้ายด้วยรูปบรรยากาศร้าน และ ป้ายร้านเป็นจุดสังเกตล่ะกันนะจร๊ะ (แบบว่า ติ๊ดตี่ ไม่แม่นพิกัด จำทางม่ะได้ ฮือๆๆ ลองไปหากันดูน๊าา)



โดยรวมแล้ว รสชาติอาหารและบรรยการศร้าน รวมทั้งการให้บริการ 8/10 ค่ะ 
หากท่านใดมีเวลา ลองแวะไปชิมเมนูเด็ดของครัวต้นไม้ดูสิคะ แลัวจะติดใจเหมือนติ๊ดตี่... ^^

อร๊ายย....กลับมาอีกครั้งพร้อมกับร้านอาหารสุดโปรด!!! Mo-Mo Paradise

หลังจากห่างหายไปน๊านนน นานมาก หลายปีแสงก็ว่าได้...
ในที่สุด เราก็หายทางกลับดาวโลกได้คร๊า..อิอิ และเพื่อต้อนรับการกลับมา พร้อมกับงานที่ดองเอาไว้พอสมควร เราคงต้องหาเวลา "ปล่อยของ" กันซะบ้าง เริ่มกันเลยดีกว่าจ่ะ...


รีวิววันนี้ เป็น 1 ในร้านอาหารที่โปรดมากๆ ร้านนึง จะว่าไปร้านอาหารแนวชาบูก็เข้ามาบ้านเรานานพอสมควรแล้ว และยิ่งหมูสุดอร่อยที่เราเริ่มคุ้นหูขึ้นเรื่อยๆ ...หมู คุ โร..บู ตะ!! เนื้อหมูดำ ที่มีไขมันแทรกละเอียดอยู่ทั่วชิ้นเนื้อเลย จะว่าไปชาบูสัญชาติญี่ปุ่นแท้นี้เข้ามาบ้านเราก้อน่าจะสักสามปีได้แล้ว ตอนนี้มีสาขาเยอะอยู่ค่ะ ทั้ง CTW , CDC , Cen9, Terminal21 สะดวกที่ไหน ก็แวะไปลองนะคะ
แต่โดยส่วนตัวเจ้าของกระทู้ชอบ CTW ที่ซู๊ด..ดดด...ดดดจ้า


เริ่มกันเลยค่ะ เมนูโปรด : สุกี้ยากี้(น้ำดำ)

สำหรับสุกี้ชาบูร้านนี้ สิ่งที่ดูเป็นเอกลักษณ์มาอย่างนึงเลย คือ กลิ่น...กลิ่นหอมของน้ำซุป 
ที่แค่เดินเฉียดเข้าไปใกล่้รัศมี 100 เมตร(ก่ะเว่อไป๊..) เป็นอันต้องได้กลิ่น 
อึ๋มมม!!! เพราะกลิ่นเฉพาะนี้ล่ะ ทำเอาเสียตังค์เดินเข้าไปกินไม่รู้ตัวไปหลายรอบล่ะ 555

บรรยากาศ การตกแต่งร้านเป็นสไตส์เดียวกันทุกสาขาค่ะ ร้านดูโปร่งน่านั่ง ใช้เวลาสักชม. สองชม. ในการกินไปเสวนาไป 
เมนูชาบูร้านนี้ ประกอบไปด้วย 

- SHABU SHABU ชาบูน้ำใสต้นตำรับ รับประทานคู่กับน้ำจิ้มงา หรือน้ำจิ้มพอนซึ ที่เค้าว่าเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่สั่งตรงมาจากญี่ปุ่นเลยทีเดียว
- SUKIYAKI สุกี้ยากี้ น้ำดำสไตล์ญี่ปุ่นแท้ รสชาติเข้มข้น รับประทานคู่กับไข่ไก่สด
- KARAMISO SOUP ซุปพริกแดง ที่มีรสชาติเผ็ดเล็กๆ มาพร้อมกับ คารามิโซะ
ราคา 399บาท/ท่าน 90 นาที

หรือ จะทาน 2 น้ำซุปก้อเลือกเป็นแบบ Mix Couse ราคาก็จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 449 บาท/ท่าน

และเมนูโปรดวันนี้ คือ สุกี้ยากี้ น้ำซุปสีดำ ที่รสชาติเค็มๆ หวานๆ
อันนี้แอบรู้สึกว่า น้ำซุป รสชาติยังไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ อาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง มี CTW นี่ล่ะที่ทานแล้ว รู้สึกถึงความเจ้มจ้น แล้วห๊อมม หอมที่สุดแบ๊ววว 

เลือกน้ำซุปได้แร้ว ต่อไป ก้อเพิ่มโปรตีนกันบ้าง

ร้านนี้มีท่าเบสิคให้เลือก อยู่ไม่กี่อย่างคะ เลือกไม่ยาก...ฮ่าๆ เนื้อหมูก่ะ เนื้อวัว เท่า้น้านน( เออ..ขายง่ายเนาะ )
- เนื้อวัว เค้าบอกว่าเป็นเนื้อวัวออสเตเรีย เรยนะฮ้าา
- เนื้อหมู อันนี้เป็น หมู คุ โร บู ตะ !!

อาหมวยเยาวราชอย่างหญิงติ๊ดตี่ แน่นอนค่ะ....ทานได้แต่หมู เพราะงั้น คุโรบูตะ จัดมา!!!

สั่งมาโลด 4-5  ถาดในคราเดียว สิ่งที่เห็นคือตามรูปเลย หมุแผ่นบางๆ ใหญ่ๆ สีแด๊ง แดง.. (อุ๊ยย..คุณพระ นี่หยิบเนื้อวัวมาปร่ะ!! แต่พอเห็นเนื้อวัวเข้าให้ อุ่ย..แดงไปม่ะน่ะ - -")

และด้วยความเป็นหมูดำคูโรบูตะ ที่เอามาแต่เนื้อสันคอ ที่มีไขมันแฝงอยู่ทั่วชิ้นเนื้อ ให้ความนุ่มกว่าเนื้อหมูทั่วไป นุ่มละมุนลิ้นเป็นเลิศ!!
อื้มมม!!! หิวสินะ ชั้น...

ปล. ใครไม่อยากได้มันเลย สั่งเค้าได้นะคะ มันมาก มันน้อยก็ว่ากันปายย..




ส่วนผสมถัดไป ผัก ผ๊าาก ผัก...
ที่นี่มีเมนูผักให้เลือกมากกว่า 20 ชนิด (เค้าบอกว่างั้นนะ ..แต่บางสาขาหญิงไปยืนนับมันก่ะไม่ถึงอ้ะ )
เท่าที่สำรวจมาเหมือน CTW จะมีให้เลือกช๊อปลงท้อง เยอะสุดแร้วค่า

เลือหยิบเอาตามใจชอบเลยค่ะ
ส่วน หญิง ชอบเผือกต้มหลายๆ ต้มให้ความเค็มของน้ำเข้าไปที่เนื้อเผือกร่วนๆๆ อร่อย จัง ฮู้...วากาเมะ เข็มทองไม่อั้น ออรินจิเต็ม จัดไปๆๆๆ





และเครื่องเขียงอื่นๆ ในเซต จะมี โมจิ และข้าวสวยญี่ป่นให้เติมได้ไม่อั้นค่ะ รวมทั้งไข่ที่จะเป็นนางเอกของเราในวันนี้ด้วยค่ะ
ไข่ไก่ CP สด สะอาดทุกฟองเบยย  เตรียมน้ำจิ้ม...ตีๆๆ แบบเน้ๆ

และนี่....อีกหนึ่งความประทับใจ เต้าหู้ อะไรสักอย่าง 
เหมือนจะเคยถามเค้าบอกว่าเต้าหู้ ปลาทูน่า เด็กเสริ์ฟบางคนก้อบอกเต้าหู้ผัก
สรุปว่า...มันคืออะไร ไม่รู้ ต้องลองไปทานดูเด้อ... ว่ามันคือเต้าหู้อะไรกันแน่




เช็คความพร้อมก่้อนเริ่ม บรรเลงของดำ!!

หลังจากผ่านไป ชม.นึง ไม่อยากจะลงรูปซากความเสียหายที่เกิดขึ้นบนหน้าเร๊ยยย
กินไปกว่าสิบถาดได้ พุงจะแตกแหล่วๆๆๆ
น้ำซุปที่ให้เติมจะมีทั้ง น้ำดำและ น้ำเปล่านะคะ  ควรเติมเรื่อยๆ ผสมตามสัดส่วนที่เราชอบ เพราะเมื่อต้มไปสักระยะ น้ำจะออกไปทางเค็ม ถึงเค็มที่สุด ออกแนว กินซีอิ๊วคลุกข้าวกันเลยทีเดียว

แล้วก้ออย่าลืมขอกระบวยสำหรับตักมันออกเป็นระยะค่ะ เพื่อความปลอดภัยของคอเลสเตอรอลเพื่อนรัก ค่ะ

ส่วนของหวานที่นี่มีไอติม แล้วก็อมีไดฟุกุนะคะ แต่ไม่รูวมอยู่ในเซตนี้ เลยไม่มีมาให้ยลโฉมกันค่ะ

โดยรวมแล้ว ชอบน้ำซุปที่เข้มข้น และการใช้เนื้อคุณภาพ พร้อมทั้งผักสดๆ นานาชนิดที่มีให้เลือกตามความชอบของเราๆ
เอาไป 8/10 เลยจ้า ที่หักไป คงเพราะราคามันโหดร้ายยยเลยจิงๆ อ้าา




และนี่หล่ะ ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น นี่ขนาดจัดชุดเบาๆ แล้วนะเคอะท่านผู้อ่านทั้งหลาย
ขอบคุณนะคร๊าา อมยิ้ม13อมยิ้ม13 ม๊วฟฟฟฟฟ
ราตรีสวัสดิ์ฮร่า.....



ขอแปะ Link ไว้หน่้อย ไปลองพื้นที่บนพันทิปมาจร้าา อิอิ
http://pantip.com/topic/30290401

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

6. ข้าวหมูคุโรบุตะผัดกิมจิ ฉบับ ShaBu Zaa

สวัสดีผู้อ่านทุกทั่น...มื้อเที่ยงวันนี้ แวะไปกินร้านอาหารใกล้ที่ทำงาน Quick Lunch เบาๆ
เลยถือโอกาสเอาภาพมาฝากกันค่ะ

ร้าน ShaBu Zaa ชั้น 2 ตึก LPN อโศก(สุขุมวิท21) ขึ้นบันไดเลื่อนมา อยู่ซ้ายมือค่ะ
ปล.ถ้าขวามือ จะเป็นร้าน Mr.Kung-Fu หมูตุ๋นหม้อไฟจ๊ะ

ปกติร้านนี้เค้าจะขายชาบู-สุกี้ค่ะ ราคาน่าประทับใจ คราวหน้าจะมารีวิวให้ชมกันนะคะ
แต่วันนี้เราขอท้าลองเมนู Quick Lunch ของร้านกันค่ะ ว่าจะเด้ง จะโดนม๊ายย??

ไม่ทันได้ถ่ายเมนูค่ะ พนักงานรีบบริการ เร็วเว่อๆ
เอาเป็นว่า เมนูวันนี้ ข้าวหมูคุโรบุตะผัดกิมจิ 89+ เซต(สลัด+ซุป+ของหวาน+ชาเขียว) 49 บาทจ้า
เอิ่ม...จริงๆ แล้วมันเป็นเมนู "ข้าวเบคอนผัดกิมจิ" แต่..วันนี้ขอเนื้อล้วนๆจะดีกว่าา

โอม...รูปจงมาาา..จงมาาาา...

โอ๊ะ...เครื่องเขียงมาก่อน...ให้เราทานก่อนระหว่างรอพระเอกของมื้อนี้สินะ หุหุ



มาแล้วคร๊า....คุโรบุตะ และ กิมจิของอิชั้น....
ดูโฉมหน้าก่อนเลยค่ะ แหม่ๆๆๆ..ไฉไล สีสันน่าทานจิงง จิ๊งงง 

ขอ Close-Up อีกรูปค่ะ น่าทานมากๆเลยค่ะ เห็นแล้วอยากจะรีบ ถ่ายๆ ให้เสร็จจะได้หม่ำซ๊ากกที
ประเด็นมันอยู่ตรงที่ เดี๊ยน ชอบหมูคุโรบุตะเป็นพิเศษ...เพราะฉะนั้น ลุย!! ด่วนๆๆๆ

หลังจากคำแรกที่ผ่านปากไป...เนื้อหมู ด้วยความเป็นคุโรบุตะ หมูแผ่นบางๆ ที่มีมันแทรกอยู่ตามเนื้อ จึงไม่ทำให้เนื้อหมูแห้งเกินไป ไม่เหนียว รสชาติกลมกล่อม ส่วนกิมจิ..เปรี้ยวสะเด็ดมาก เรียกว่าเกินพอดีไปก่ะว่าได้  ขนาดดั๊นชอบทานรสเปรี้ยว ทานไปตาตี่ๆ ของอิชั้นแทบจะไม่เหลือลูกตาดำกันเลยทีเดียว 
เปรี๊ยวเว่อ...โอ๊ย..นึกแล้วเข็ดฟันเหอะ!!
ข้าวเป็นข้าวไทยนะ ให้มาเยอะเลยค่ะ ทานข้าวไม่หมดคะ 
ขออภัย U_U..อาเมน..

เมื่อเปรี้ยวสะใจได้ที่ เรามาตัดรสกันด้วยขนมหวานในเซตกันเลยค่ะ นั่นคือ ถั่วแดงนมสด แบบนี้ฮ่ะ..
ไม่รู้ว่าถูกใจ หรือว่าทานเพลิน แป๊บเดียว หมดถ้วยซะแล้วสิ



ใครชอบทานกิมจิ ลองมาท้าดวลความเปรียวที่ร้านนี้ดูกันได้ค่ะ ของเค้า จี๊ดด..จิงๆ


ก่อนลากันไปวันนี้ มีของแถมคะ เมนู"ข้าวหมูคุโรบุตะผัดซีอิ้ว" น่าทานเหมือกันน๊าาา
ไว้ถ้ามีโอกาส จะมาลองชิมรสชาติแบบเต็มๆดูค่ะ



วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

4. ข้าวแกงกะหรี่ @Sukiya

ร้านที่จะไปออนทัวร์วันนี้ เค้ามีชื่อเรื่องข้าวหน้าเนื้อ..สุคิยะ(Sukiya)ค่ะ แต่หญิงตาตี่ เอ้ยติ๊ดตี่
ราชนิกุลเชื้อสายเจ๊กอย่างเราๆ ไม่ทานเนื้อค่ะ 
ทำให้พลาดเมนูเด็ดไป แต๊....แต่....เราก้อไม่ลดละค่ะ เนื้อกินไม่ได้ มันต้องมีไอ่ที่กินได้สิ
และก็เป็นที่มาของข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นวันนี้ค่ะ

ที่มาย่อๆ : ข้าวหน้าเนื้อชื่อดังจากญี่ปุ่น บุกเข้าตลาดเมืองไทย สายเดียวกับพวก Yoshinoya , Matsuya
ถ้าเทียบแล้วร้านนี้อยู่ที่ราคาเบาๆ น่าคบหาค่ะ

หน้าร้านและเมนูหน้าร้านค่ะ
น้องหญิงติ๊สสสตี่..คิดว่า เมนูหลักๆ มีอยู่ไม่กี่อย่าง แต่มีการเอามา Combination กับตัว Option สร้างสรรค์มื้ออหาร ที่เสริฟกันง่ายๆ เลือกขนาดและราคาที่เหมาะสมด้วยตัวคุณเอง

เมนูหลัก : 
ข้าวหน้าเนื้อ +(แล้วแต่เลือก) ราดกะเทียม , กิมจิ , ไข่ออนเซน , ปูผงกะหรี่ , กุยช่าย , ต่นหอม , ชีส  
ข้าวไก่เทริยากิ + ไข่ออนเซน
ข้าวแกงกะหรี่หมู + ไข่ออนเซน , ไก่คาราเกะ , ชีส
ข้าวแกงกะหรี่เนื้อ

หรือจะเพิ่มเงินอีก ทานเป็นเซต อารมณ์หิวเลือกได้คร๊าา จะ Match โน่นชนนี่ กลัวอิ่มไม่อิ่ม ก็ว่ากันไป..
Set :
ชาเขียว, น้ำอัดลม
สลัด , ไก่คาราเกะ , ซุปมิโซะ , มิโซะหมู

และเมนูวันนี้..ข้าวแกงกะหรี่หมู+ไข่ออนเซน+ชาเขียว+มิโซะ ราคารวมกันไม่รวม Vat อยุ่ที่ 110฿ เท่านั้นจ้า
ปล.ที่เห็นสีขาวๆ นั่นเอาไว้กดเรียกพนักงานเพื่อสังอาหารค่ะ 

ดั๊นได้ยินคำร่ำลือของไข่ออนเซนที่นี่มาจากหลายปากล่ะค่ะ...ต้องมาลองให้ได้ และแล้ว เรามาดูกันชัดๆ ค่ะ....มันช่างสวยงามม อยู่ในถ้วยใบเย็นเฉียบ..โอ๊วว คุณขา....อิชั้นเสียดาย ไม่อยากจะทานเล้ยยย...

แต่เพื่อให้ Mission Complete เราสังหารโหดไข่งามๆ ด้วยการเทลงไปอยู่กับแกงกะหรี่ชู้ชื่น..หึหึ
หน้าตาดูดีไม่น้อยทีเดียว....รอไม่ไหวแล้วๆๆ หิวมว๊ากกด้วย ทานเล้ย!!

......
......
แหม่..ไม่อยากจะแปะรูปบทสรุปเล้ย...ไม่มีแม้แต่ซากค่ะ
โดยส่วนตัวนะคะ ข้าวนุ่มดีค่ะ แกงกะหรี่กลิ่นเครื่องแกงชัดระดับนึง จะไม่ข้นเหมือน CoCo(ขออนุญาตพาดพิงๆ) แต่รสอ่อนไป..ต้องใส่โชยุลงไปอีกนิ๊สส ผักดองอร่อยค่ะ ไม่แห้งเกินไป ชิ้นใหญ่ดีทานแล้วรู้รสในชิ้นเดียวได้ และ ไข่ออนเซนนน มันเย็นๆๆ ไม่แข็งไม่เหลวไป ไข่ขาวเกาะตัวกัน ไข่แดงสุกในระดับที่เนื้อไข่จับตัวกัน ไม่เยิ้มๆ เหมือนไข่มะตูมบ้านเราค่ะ ชอบอันนี้ๆๆๆๆ อยากได้เครื่องทำไข่ออนเซนขึ้นมาทันที ฮ่าๆ

ชาเขียว เป็นชาช้าวนะคะ กลิ่นข้าวชัดเจน ติดจมูกมาก...
แอบคิดอยู่ว่า ถ้าเป็นข้าวหน้าเนื้อ เมนูเด็ด รสชาติน่าจะอร่อยมากเลยทีเดียวค่ะ
ตอนนี้สาขาเริ่มเปิดกระจายหลายที่ค่ะ ลองเข้าไปแวะทานกันดูนะคะ

แต่วันนี้เรามาเที่ยงเป๊ะ..คนจะเยอะสักหน่อย พนักงานบริการอย่างขมักเขม้น ต้อนรับฉะฉาน เสียงดังชัดเจน จนแอบรู้สึกว่า ดังไปนะคะ ตะโกนทีสะดุ้งที กินไม่ค่อยเป็นสุขเลยค่ะ ไว้หญิงต้องไปลองตรวจกิจการสาขาอื่นๆ บ้างดีกว่าฮ่ะ..อิอิ....